คัดมาแล้ว! 5 อาหารเสริมบำรุงสายตา ลดเสี่ยงตาเสื่อมในวัยทำงาน
ในยุคดิจิทัลที่เราต้องเพ่งมองหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือนานนับชั่วโมงย่อมส่งผลต่อสายตาของคนรุ่นใหม่มากขึ้น โดยเฉพาะวัยทำงาน การเลือกรับประทาน อาหารเสริมบำรุงสายตา จึงเป็นตัวช่วยสำคัญของมนุษย์ออฟฟิศยุคใหม่ เพราะมีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น ต้อกระจก, ต้อหิน หรือโรคจอประสาทตาเสื่อม หากคุณเป็นคนที่อยากหาวิธีลดความเสี่ยงเกิดโรคเกี่ยวกับดวงตา นอกจากหันมาดูแลตัวเองด้วยการปรับพฤติกรรมแล้วอาหารเสริมเหล่านี้ช่วยคุณได้
อยากสายตาดีแนะนำ! 5 อาหารเสริมบำรุงสายตา ลดเสี่ยงตาเสื่อมในวัยทำงาน
5 อาหารเสริมบำรุงสายตา ได้แก่ วิตามิน A, วิตามิน C, วิตามิน E, ลูทีน และสังกะสี ซึ่งวิตามินและแร่ธาตุเหล่านี้ล้วนมีส่วนช่วยในการฟื้นฟู, ปกป้อง และเสริมสร้างประสิทธิภาพในการมองเห็นของดวงตาได้ทั้งสิ้น
1.วิตามิน A อาหารเสริมบำรุงสายตาช่วยให้การมองเห็นคมชัด
วิตามิน A คือ วิตามินบำรุงสายตา อันดับต้น ๆ ที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็นในที่มืด, ช่วยคงสภาพการมองเห็นสีสันที่ถูกต้องแม่นยำ, ช่วยป้องกันอาการตาแห้งจากการจ้องจอเป็นเวลานาน และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาเรื่องต้อได้ด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วร่างกายควรจะได้รับวิตามิน A ในปริมาณ 600 – 700 ไมโครกรัมต่อวัน ดังนั้นสำหรับผู้ที่ควบคุมอาหารหรือไม่ชอบรับประทานอาหารบางชนิดและผักผลไม้ที่มีวิตามินเอ อย่าง ไข่แดง, ตับ, เนย, น้ำมันตับปลา, มะละกอ หรือผักคะน้า วันนี้สามารถเลือกรับประทานอาหารเสริมวิตามินเอเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารดังกล่าวอย่างเพียงพอได้
แนะนำสำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานอาหารเสริมวิตามิน A ควรรับประทานพร้อมมื้ออาหารหรือหลังมืออาหารทันที เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามินเอได้ดีที่สุด เนื่องจากวิตามินเอจะต้องใช้ไขมันและแคลเซียมคาร์บอเนตในการละลาย
2.วิตามิน C วิตามินช่วยบำรุงสายตาชะลอการเกิดต้อกระจก
การรับประทานวิตามิน C นอกจากช่วยบำรุงผิวพรรณให้เนียนสวย เซลล์ผิวแข็งแรง ลดปัญหาผิวแพ้ง่าย และช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระแล้ว วิตามิน C ยังถือเป็นหนึ่งใน อาหาร บำ รุ ง สายตา ต้อหิน ต้อกระจก ลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ในดวงตาจากการถูกแสงแดดและมลพิษทำร้าย
สำหรับแหล่งอาหารตามธรรมชาติที่สามารถเลือกรับประทานเพื่อเพิ่มปริมาณวิตามิน C ให้กับร่างกาย ได้แก่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ คะน้า กะหล่ำปลี ส้ม และฝรั่ง เป็นต้น โดยปริมาณวิตามิน C ที่ร่างกายควรได้รับจะอยู่ที่ประมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน
สำหรับผู้ที่ต้องการรับประทานวิตามิน C ในรูปแบบอาหารเสริมควรรับประทานพร้อมมื้ออาหาร แต่หากไม่สามารถรับประทานพร้อมมื้ออาหารได้ควรรับประทานควบคู่กับแคลเซียมหรือแมกนีเซียม เพราะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซึมวิตามิน C เข้าสู่ร่างกายได้ดีขึ้น นอกจากนี้เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมวิตามิน C ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ควรแบ่งรับประทานวิตามิน C ออกเป็น 2 ครั้งต่อวัน
3.วิตามิน E วิตามินบำรุงสายตาปกป้องดวงตาจากแสงแดด
เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น การรับประทานวิตามิน E วิตามิน ช่วย บำ รุ ง สายตา เป็นตัวช่วยสำคัญ เนื่องจากวิตามิน E มีคุณสมบัติช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของจอประสาทตาก่อนวัยอันควร ลดโอกาสในการเกิดต้อกระจกในผู้สูงอายุ และช่วยปกป้องดวงตาจากแสงแดด
การรับประทานวิตามิน E ในปริมาณที่เหมาะสมเป็นประจำไม่เพียงช่วยบำรุงดวงตาให้ใช้งานได้เป็นปกติ แต่ยังช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระด้วย สำหรับปริมาณวิตามิน E ที่ร่างกายต้องการจะอยู่ที่ประมาณ 15 มิลลิกรัมต่อวัน โดยคุณจะได้รับวิตามิน E จากการรับประทานผักและผลไม้ เช่น ถั่ว, มะเขือเทศ, ผักโขม และน้ำมัน เป็นต้น
4.ลูทีน ชะลอการเกิดโรคต้อกระจกและโรคจอประสาทตาเสื่อม
ไม่อยากจอประสาทตาเสื่อมก่อนวัย “ลูทีน” คือ วิตามินบำรุงสายตาที่ร่างกายควรได้รับ โดยมีคุณสมบัติเด่นเรื่องการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ตัวการทำร้ายเซลล์ในจอประสาทตา ทั้งยังเป็น อาหาร บำ รุ ง สายตา ต้อหิน ต้อกระจก ช่วยให้ปัญหาการเป็นต้อหินและต้อกระจกดีขึ้น
สำหรับผู้ที่เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีภาวะต้อกระจกหรือพบว่าตาเสื่อมควรรับประทานอาหารเสริมลูทีนในปริมาณ 6 - 10 มิลลิกรัมต่อวัน โดยรับประทานพร้อมกับมื้ออาหารเพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งแหล่งอาหารตามธรรมชาติที่อุดมไปด้วยลูทีน ได้แก่ คะน้า, ผักโขม, ผักกาดโรเมน ข้าวโพดหวาน และพริกหยวก เป็นต้น แต่หากไม่ชอบรับประทานผักและผลไม้สามารถเลือกรับประทานอาหารเสริมแทนได้
5.สังกะสี ลดอาการตาพร่ามัว อาการตาบอดกลางคืน
หากมองเห็นไม่ค่อยชัดในที่มืดมีความเป็นไปได้ว่าร่างกายของคุณกำลังต้องการแร่ธาตุ “สังกะสี” เนื่องจากสังกะสีเป็นแร่ธาตุที่มีส่วนช่วยให้คุณมองเห็นได้ชัดเจนในที่มืดและยังมีส่วนช่วยชะลอการเสื่อมของจอประสาทตาได้
การรับประทานสังกะสีให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการและรับประทานอย่างถูกต้อง มีส่วนสำคัญที่ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารเพียงพอ โดยรับประทานสังกะสีให้ได้ในปริมาณ 15 มิลลิกรัมต่อวัน และควรรับประทานร่วมกับวิตามินที่มีส่วนช่วยในการต้านสารอนุมูลอิสระ เช่น เบต้าแคโรทีน วิตามินซี วิตามินเอ และวิตามินซี สำหรับแหล่งอาหารตามธรรมชาติที่อุดมไปด้วยสังกะสี เช่น อาหารทะเล ธัญพืช ไข่ และนม เป็นต้น
เคล็ดลับปกป้องดวงตาให้ห่างไกลจากปัญหาตาเสื่อมก่อนวัย
นอกจากการรับประทาน วิตามิน ช่วย บำ รุ ง สายตา ซึ่งเป็นวิตามินจำเป็นที่ช่วยป้องกันปัญหากระจกตาเสื่อมก่อนวัย ต้อกระจกและต้อหินได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันดวงตาควรปฏิบัติตามคำแนะนำต่อไปนี้ร่วมด้วย
1.ปรับความสว่างหน้าจออย่างเหมาะสม
ไม่ควรปรับเพิ่ม – ลดแสงบริเวณหน้าจอมากเกินไป เนื่องจากการปรับลดแสงจะทำให้ดวงตาเมื่อยล้าจากการเพ่ง แต่หากปรับแสงมากเกินไปจะทำให้ตาแห้ง, แสบ และส่งผลเสียต่อสุขภาพดวงตาได้
2.หลีกเลี่ยงการมองจอในที่มืด
เนื่องจากดวงตาจะต้องทำงานหนักและยังเพิ่มโอกาสในการเกิดปัญหาสายตาสั้น สายตาเอียง และจอประสาทตาเสื่อมสภาพได้เร็วยิ่งขึ้น
3.พักสายตาจากหน้าจอแสงสีฟ้า
ในยุคดิจิทัลผู้คนส่วนใหญ่จำเป็นต้องทำงานผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดกับดวงตา เช่น เกิดอาการตาล้า ตาแห้ง แสบตา ควรพักสายตาด้วยการมองไปยังที่ไกล ๆ เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 20 วินาที โดยทำซ้ำทุก ๆ 20 นาที
4.รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนเป็นสิ่งที่ช่วยลดการเกิดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพดวงตาได้ เพราะคุณจะได้รับสารอาหารที่เพียงพอในการฟื้นฟูและเสริมสร้างเกราะป้องกันดวงตาให้แข็งแรง
5.พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนให้เพียงพอทำให้เซลล์ประสาทดวงตาได้ฟื้นฟูตัวเองจากการมองจอเป็นเวลานานตลอดวัน
6.หมั่นบริหารดวงตา
การบริหารดวงตาจะช่วยลดอาการปวดตาเนื่องจากการจ้องจอนานเกินไป ซึ่งทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานหนัก โดยการบริหารดวงตาจะช่วยลดปัญหาตาแห้ง ตาล้า และตาแดง รวมถึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็นได้ด้วย
7.ตรวจดวงตาประจำปี
หลายคนให้ความสำคัญกับสุขภาพกายแต่กลับลืมใส่ใจสุขภาพดวงตา ซึ่งวิธีการป้องกันปัญหาเกี่ยวกับดวงตาที่ดีที่สุดคือการตรวจดวงตาเป็นประจำทุกปี เนื่องจากเป็นการช่วยให้คุณเรียนรู้วิธีการปฏิบัติตัวหรือวิธีการรักษาเมื่อตรวจพออาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา
8.สวมใส่แว่นกันแดดทุกครั้งเมื่อออกแดด
รังสียูวีในแดดส่งผลเสียต่อดวงตาเป็นอย่างมากเพราะมีส่วนทำให้เลนส์ตาเสียหายและเกิดต้อกระจก รวมถึงส่งผลต่อการเกิดโรคจอประสาทตาเสื่อมได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันอันตรายจากแดดจึงควรสวมใส่แว่นกันแดดทุกครั้ง ช่วยสะท้อนยูวีไม่ให้เข้าสู่ดวงตา
อาหารเสริมบำรุงสายตา เป็นตัวช่วยที่ทำให้คุณไม่ต้องเสี่ยงกับการเกิดโรคเกี่ยวกับดวงตา แต่ไม่ใช่ยารักษาโรค หากคุณต้องการป้องกันการเสื่อมของจอประสาทตา, โรคต้อหิน หรือต้อกระจก ควรหลีกเลี่ยงการจ้องจอเป็นเวลานาน รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างไรก็ตามหากพบว่าสารอาหารที่ได้รับไม่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ วิตามิน ช่วย บำ รุ ง สายตา เป็นตัวเลือกที่จะช่วยบำรุงสายตาได้ ทั้งยังเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้คนในยุคนี้
บริษัท โรงพยาบาลตากรุงเทพ จำกัด
อาคารเดอะ เมอร์คิวรี่ วิลล์ แอท ชิดลม 540 ชั้น7 ห้อง703
ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 1033002-869-8899
Copyright © 2024 All Rights Reserved.