เบาหวานขึ้นตา รีบรักษาก่อนตาบอด
รู้เท่าทันเบาหวานขึ้นตาก่อนจะสายเกินแก้
“เบาหวาน” หนึ่งในโรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่มีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้นอย่าง ต่อเนื่องทั่วโลก โดยพบว่าในปี 2566 ที่ผ่านมาคนไทยป่วยเป็นโรคเบาหวานสูงถึง 5.2 ล้านคน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2565 ประมาณ 3 แสนคน โรคเบาหวานยังก่อเกิดภาวะแทรกซ้อนมากมายรวมถึงภาวะเบาหวานขึ้นตา ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะตาบอดทั่วโลก
รู้จักกับภาวะเบาหวานขึ้นตา
เบาหวานขึ้นจอตา (Diabetic Retinopathy) เป็นภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังของโรคเบาหวานซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานานจนทำให้หลอดเลือดขนาดเล็กที่จอประสาทตาได้รับความเสียหาย ภาวะเบาหวานขึ้นตาในระยะแรกจะยังไม่ค่อยปรากฏอาการ หรือแสดงอาการน้อยจนอาจทำให้ผู้ป่วยละเลยไม่ได้เข้ารับการตรวจตาตามคำแนะนำของแพทย์ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีอาจทำให้สูญเสียการมองเห็นอย่างรุนแรงและถาวรได้
ปัจจัยเสี่ยงของเบาหวานขึ้นจอตา
- ระยะเวลาในการเป็นเบาหวาน ผู้ที่เป็นเบาหวานมานานมีความเสี่ยงเบาหวานขึ้นจอตา
- คุมระดับน้ำตาลในเลือดไม่ดี
ชนิดของเบาหวานขึ้นตา
แบ่งตามระดับความรุนแรงของโรค
เบาหวานขึ้นตาระยะเริ่มแรกหรือระยะที่ยังไม่มีหลอดเลือดเกิดใหม่ (Nonproliferative Diabetic Retinopathy : NPDR) ในระยะนี้จะพบความผิดปกติของผนังหลอดเลือดที่จอประสาทตา เช่น พบมีลักษณะหลอดเลือดโป่งพอง มีจุดเลือดออกหรือไขมันรั่วที่ชั้นจอตา
เบาหวานขึ้นตาระยะก้าวหน้าหรือระยะที่หลอดเลือดใหม่เจริญเติบโต (Proliferative Diabetic Retinopathy : PDR) เป็นระยะที่เบาหวานขึ้นตาพัฒนาสู่ภาวะที่รุนแรงขึ้น มีการสร้างหลอดเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทน ซึ่งหลอดเลือดที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่นี้จะมีลักษณะไม่สมบูรณ์ ผนังของหลอดเลือดเปราะบาง จึงฉีกขาดได้ง่าย อาจส่งผลให้เกิดเลือดออกในวุ้นตา พังผืดที่จอตา จอตาลอก และต้อหินได้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็นรุนแรงและถาวรได้หากทิ้งไว้ไม่ได้รับการรักษา
อาการของเบาหวานขึ้นตา
สำหรับเบาหวานขึ้นตานั้น ในระยะแรกๆผู้ป่วยอาจยังมีการมองเห็นเป็นปกติหรือตามัวลงเพียงเล็กน้อย จนเมื่อการดำเนินโรครุนแรงมากขึ้น มีการรั่วของสารน้ำและโปรตีนมากขึ้น มีการบวมของจอตาบริเวณจุดรับภาพชัด ทำให้ตามัวลงได้ หรือหากโรคดำเนินไปสู่ระยะที่มีหลอดเลือดใหม่เจริญเติบโต อาจทำให้เกิดเลือดออกในวุ้นตา พังผืดดึงรั้งจอตา จอตาฉีกขาดหลุดลอก หรือมีเส้นเลือดงอกใหม่เกิดขึ้นบนม่านตาทำให้เกิดภาวะต้อหินแทรกซ้อน จะทำให้ผู้ป่วยจะสูญเสียการมองเห็น ซึ่งการสูญเสียการมองเห็นจะมีความรุนแรงต่างกันตามสาเหตุและระยะของโรค
ดังนั้นผู้ที่ป่วยเป็นเบาหวานจึงควรเข้ารับการตรวจคัดกรองเบาหวานขึ้นตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือตามคำแนะนำของแพทย์ เพื่อให้การวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที
การรักษาภาวะเบาหวานขึ้นตา
การควบคุมโรคเบาหวานโดยการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด และการควบคุมโรคประจำตัวอื่นๆ เช่นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูงให้ดี นับเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งในการดูแลรักษาเบาหวานขึ้นตาทุกระยะ ช่วยชะลอการดำเนินของโรคได้
วิธีรักษาภาวะเบาหวานขึ้นตาจะใช้วิธีการที่แตกต่างกันไปตามลักษณะของอาการและความรุนแรงของโรค
การรักษาเบาหวานขึ้นตาระยะเริ่มแรก
ในระยะนี้ผู้ป่วยอาจยังไม่มีอาการหรืออาจมีอาการเพียงเล็กน้อย จักษุ แพทย์จะนัดตรวจติดตามเป็นระยะ ทั้งนี้ผู้ป่วยเบาหวานต้องควบคุมระดับน้ำตาลใน เลือดและระดับน้ำตาลสะสมอย่างเคร่งครัด เพื่อยับยั้งความรุนแรงและชะลอการลุกลามของโรค ขณะเดียวกันต้องไม่ละเลยที่จะใส่ใจโรคประจำตัวอื่น ๆ ด้วย เช่น ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น การติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอภายใต้การดูแลของจักษุแพทย์จะช่วยให้พบความผิดปกติได้เร็วและสามารถรับการรักษาได้อย่างทันท่วงที
การรักษาเบาหวานขึ้นตาระยะก้าวหน้า
การรักษาในระยะนี้จักษุแพทย์จะพิจารณาวิธีการรักษาโดยคำนึงถึงปัญหา สาเหตุ และอาการของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
· การรักษาด้วยการยิงเลเซอร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการใช้ออกซิเจน ในจอตา ส่งผลให้หลอดเลือดงอกใหม่ที่ผิดปกติฝ่อลง หรืออาจยิงบริเวณใกล้จุดรับภาพชัด เพื่อควบคุมภาวะรั่วซึมของหลอดเลือดและ เพื่อให้จอตายุบบวม ทั้งนี้การรักษาด้วยเลเซอร์ไม่ได้ทำให้การมองเห็น ดีขึ้นทันที เพียงแต่ช่วยชะลอการดำเนินของโรค
· การรักษาด้วยวิธีการฉีดยา หากผู้ป่วยมีภาวะจุดรับภาพชัดบวมน้ำ (Diabetic macular edema หรือ DME) จักษุแพทย์อาจพิจารณาฉีดยา Anti – Vascular Endothelial Growth Factor (Anti – VEGF) เข้าไปในวุ้นตาเพื่อลดอาการบวมของจุดรับภาพชัด เป็นวิธีการรักษาที่ได้ผลดีและช่วยให้การมองเห็นดีขึ้นได้ นอกจากนี้การฉีดยาเข้าวุ้นยายังสามารถช่วยยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ที่ผิดปกติได้ ทั้งนี้จักษุแพทย์อาจพิจารณาฉีด ยาเข้าวุ้นตาผู้ป่วยตามสาเหตุเป็นรายๆไป
· การรักษาด้วยวิธีการผ่าตัด หากตรวจพบว่าผู้ป่วยมีพังผืดดึงรั้งจอตา เลือดออกในวุ้นตามาก จอประสาทตาลอก จักษุแพทย์อาจพิจารณารักษาโดยการผ่าตัดวุ้นตาเพื่อป้องกันการสูญเสียการมองเห็นถาวร
จะเห็นได้ว่าภาวะเบาหวานขึ้นตามีวิธีการรักษาหลากหลายขึ้นอยู่กับสาเหตุ อาการและดุลยพินิจของจักษุแพทย์ ซึ่งแต่ละวิธีจะมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างกัน ผู้ป่วยสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่สถานพยาบาลที่เข้ารับการรักษา ทั้งนี้หาก ภาวะเบาหวานขึ้นตาอยู่ในขั้นรุนแรงอาจจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้และ เสี่ยงที่จะสูญเสียการมองเห็นหรือตาบอดถาวรได้
ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวานขึ้นตา
- เลือดออกในวุ้นตาผู้ป่วยจะมองเห็นเป็นจุดสีดำลอยหรือแดงลอยไปมา หากเลือดออกในวุ้นตามากจะทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการมองเห็นรุนแรงได้
- จอตาลอกในผู้ป่วยเบาหวาน มักเป็นจอตาลอกจากพังผืดดึงรั้งจอตา ความรุนแรงเป็นได้ตั้งแต่รุนแรงน้อยจนถึงรุนแรงมาก อาจทำให้สูญเสียการ มองเห็นขั้นรุนแรงหรือตาบอดได้ แม้จะได้รับการรักษาโดยการผ่าตัดก็ตาม
- จุดภาพชัดบวมจากการรั่วของสารน้ำจากเส้นเลือด ทำให้ผู้ป่วยตามัวลงได้
- ต้อหินภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นได้เมื่อเข้าสู่ระยะที่มีการสร้างหลอดเลือด ใหม่ที่ผิดปกติ อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นขั้นรุนแรงหรือตาบอดถาวรได้
วิธีดูแลตนเองเพื่อป้องกันการสูญเสียการมองเห็นจากภาวะเบาหวานขึ้นตา
- สำหรับคนปกติทั่วไปที่ยังตรวจไม่พบว่าเป็นโรคเบาหวาน ควรเลี่ยงพฤติกรรมและการใช้ชีวิตที่จะนำไปสู่ภาวะของโรคเบาหวาน เช่น เลี่ยงหรือลดอาหารที่มีรสหวาน มัน เค็ม อาหารแปรรูป รวมถึงกลุ่มคาร์โบไฮเดรต, รับประทานอาหารที่ให้กากใยสูง, ออกกำลังกายสม่ำเสมอ, ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เลี่ยงบุหรี่และแอลกอฮอล์ เป็นต้น
- สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน นอกจากต้องเพิ่มความใส่ใจในการดูแลสุขภาพทั้งอาหารและการออกกำลังกายเช่นเดียวกับกลุ่มข้างต้นแล้ว ยังควร
· ปฏิบัติตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัดรวมถึงรับประทานยาหรือฉีดอินซูลินตามที่แพทย์กำหนด
· พบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอเพื่อตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
· หมั่นตรวจเช็กและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดด้วยตนเองโดยใช้เครื่องวัดน้ำตาล
· ควบคุมระดับความดันโลหิตและระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
· หากมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีความผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็นควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที เช่น ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัดเจน มองเห็นภาพมีจุดดำ เป็นต้น
· ผู้ป่วยเบาหวานควรเข้ารับการตรวจคัดกรองเบาหวานขึ้นจอตา ด้วยการถ่ายภาพจอประสาทตา หรือพบจักษุแพทย์เพื่อขยายม่านตาตรวจจอประสาทตาอย่างละเอียด อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แม้จะไม่มีปัญหาเรื่องการมองเห็นก็ตาม หากมีภาวะเบาหวานขึ้นตาแล้ว ควรมาตรวจติดตามตามแพทย์นัด
· หญิงตั้งครรภ์ที่มีเบาหวานเป็นโรคประจำตัว ควรเข้ารับการตรวจตาทันทีที่ตั้งครรภ์หรือภายในระยะ 3 เดือนแรกของการตั้งครรภ์ เนื่องจากภาวะตั้งครรภ์เป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่เพิ่มความรุนแรงของอาการเบาหวานขึ้นตา
· งดสูบบุหรี่
บริษัท โรงพยาบาลตากรุงเทพ จำกัด
อาคารเดอะ เมอร์คิวรี่ วิลล์ แอท ชิดลม 540 ชั้น7 ห้อง703
ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 1033002-869-8899
Copyright © 2024 All Rights Reserved.