อาการต้อหินมุมปิด แตกต่างจากต้อหินมุมเปิดอย่างไร

 อาการต้อหินมุมปิด แตกต่างจากต้อหินมุมเปิดอย่างไร

ความแตกต่างของต้อหินมุมปิดและมุมเปิด คือ กลไกของการเกิดโรค ระดับความรุนแรงและวิธีในการตรวจ รวมถึงวิธีการรักษา หากตรวจพบตั้งแต่แรกเริ่มก็จะรักษาได้ผลดีกว่า เมื่อคนเราอายุมากขึ้น เลนส์ตาจะแข็งและโตขึ้นอย่าง บางคนการเติบโตนี้จะทำให้ช่องหน้าม่านตาเคลื่อนตัวไปข้างหน้าและทำให้มุมแคบลง

ปัจจัยเสี่ยงในการพัฒนาช่องว่างของม่านตาให้เกิดมุมแคบ ได้แก่ ประวัติครอบครัว อายุที่มากขึ้นและเชื้อชาติ การเกิดโรคต้อหินแบบมุมปิด แตกต่างจากต้อหินมุมเปิดอย่างไร มาอ่านสาระความรู้เพื่อความเข้าใจ การรักษา และการป้องกันดังต่อไปนี้

ต้อหินคืออะไร

โรคต้อหินเป็นกลุ่มของโรคทางตาที่อาจทำให้สูญเสียการมองเห็นและตาบอดได้ ด้วยการทำลายเส้นประสาทที่อยู่ด้านหลังดวงตาที่เรียกว่าเส้นประสาทตา อาการของโรคระยะแรกผู้ป่วยจะไม่ค่อยรู้สึกตัว เพราะไม่สามารถสังเกตได้และไม่มีอาการ วิธีเดียวที่จะทราบว่าเป็นโรคต้อหินหรือไม่คือ การตรวจสุขภาพตา หากทำการตรวจพบและเข้ารับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ มักจะสามารถหยุดความเสียหายและปกป้องการมองเห็นของคุณได้ ซึ่งทางโรงพยาบาลเราได้มีโปรแกรมตรวจสุขภาพตาเพื่อตรวจและดูแลสุขภาพตาของคุณโดยเฉพาะ

ประเภทของโรคต้อหิน

โรคต้อหินสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทหลัก แต่ละประเภทมีลักษณะและวิธีการรักษาที่แตกต่างกัน

1.    ต้อหินประเภทปฐมภูมิ แบ่งได้ 2 ชนิดได้แก่

1.1               ต้อหินมุมเปิด (Primary Open-Angle Glaucoma)

ต้อหินชนิดมุมเปิดจัดเป็นต้อหินที่พบได้มากที่สุด ส่วนใหญ่เกิดจากความดันตาสูง ในบางรายอาจพบว่ามีความดันลูกตาปกติได้ โดยความดันลูกตาที่สูงเกิดจากการถูกปิดกั้นระบบระบายน้ำช่องหน้าม่านตา ทำให้ทำลายเส้นประสาทตาในที่สุด โดยในระยะแรกจะไม่แสดงอาการใด ๆ จนกระทั่งผู้ป่วยรับรู้จากการมองเห็นว่ามีลานสายตาแคบลงเรื่อย ๆ เมื่อถึงตอนนั้นก็ยากเกินที่จะรักษาและส่งผลให้ตาบอดในที่สุด มีบางรายงานว่าผู้ป่วยบางรายความดันตาไม่สูง แต่เส้นประสาทตาถูกทำลายก็มี

1.2               ต้อหินมุมปิด (Angle-Closure Glaucoma)

เกิดจากภาวะความดันลูกตาขึ้นสูงแบบเฉียบพลัน ทำให้เกิดการปิดกั้นทางเดินน้ำในลูกตาอย่างรวดเร็ว ความผิดปกตินี้มักเกิดขึ้นกับคนที่มีช่องว่างด้านหน้าลูกตาแคบ หรือมีสิ่งกระตุ้น เช่น อยู่ในที่มืด การรับยาบางชนิด จนทำให้รูม่านตาขยายมากกว่าปกติ โดยต้อหินมุมปิดจะมี 2 แบบ ได้แก่ แบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง โดยการแบบเฉียบพลันผู้ป่วยจะมีอาการปวดตาอย่างรุนแรง ตาแดง ปวดหัว คลื่นไส้ และเห็นแสงรอบ ๆ แสงสว่าง (Halos) ในขณะที่แบบเรื้อรัง จะมีอาการปวดเป็น ๆ หาย ๆ โดยไม่รู้สาเหตุ เมื่อความดันตาขึ้นจะทำให้เลนส์ตาบวมจนไปดันช่องว่างตาด้านหน้าให้แคบลงจนนำไปสู่การเกิดต้อหิน

2.​ต้อหินแต่กำเนิด (Congenital Glaucoma)

ต้อหินตั้งแต่กำเนิดจะพบในทารกและเด็กเล็ก เกิดจากการพัฒนาผิดปกติของทางเดินน้ำในลูกตา โดยพบมากในช่วงขวบปีแรก การเกิดต้อหินแต่กำเนิดนี้จะเป็นลักษณะของการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เด็กที่เกิดมาจะมีดวงตาและลูกตาที่ใหญ่กว่าปกติ ต้องรีบทำการรักษาเพราะอาจทำให้ตาบอดได้

3.​ต้อหินจากภาวะแทรกซ้อน หรือ ต้อหินทุติยภูมิ (Secondary glaucoma)

-เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ เช่น การบาดเจ็บที่ตา การติดเชื้อ การใช้ยาสเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน เส้นเลือดที่จอประสาทตาอุดตันหรือโรคตาอื่น ๆ แล้วพัฒนากลายมาเป็นต้อหิน

ความแตกต่างระหว่างต้อหินมุมปิดและต้อหินมุมเปิด

ต้อหินมุมเปิดและ ต้อหินมุมปิด มีความแตกต่างกันในด้านของกลไกการเกิด อาการและวิธีการรักษา โดยต้อหินมุมเปิดเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ และไม่แสดงอาการชัดเจนในระยะแรก หากไม่ได้รับการตรวจจากจักษุแพทย์อย่างครอบคลุมจะไม่สามารถตรวจพบและเจอความผิดปกตินี้ ในขณะที่ต้อหินมุมปิดเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและมีอาการรุนแรงอย่างเห็นได้ชัด แต่ต้อหินทั้ง 2 ประเภทหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีก็จะส่งผลต่อการมองเห็นและตาบอดในที่สุด

สาเหตุและอาการของต้อหินมุมปิด

โรคต้อหินแบบมุมปิด คือ โรคต้อหินที่เกี่ยวข้องกับมุมช่องหน้าของม่านตาที่ถูกกีดขวางทางกายภาพ ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งโรคเรื้อรังและเฉียบพลัน อาการของภาวะมุมปิดเฉียบพลัน ได้แก่ ปวดตาและตาแดงอย่างรุนแรง การมองเห็นลดลง รัศมีการมองเห็นแคบลง ปวดศีรษะ คลื่นไส้และอาเจียน ความดันในลูกตาเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องรักษาอาการเฉียบพลันทันทีด้วยยาต้อหิน เพื่อป้องกันการสูญเสียการมองเห็นถาวร และอาจจะตามด้วยการผ่าตัด

โรคต้อหินมุมปิด อาจจะเกิดจากรูปร่างของม่านตาผิดปกติทำให้เกิดแรงดึงหรือดันม่านตาขึ้นไปทำมุม (เช่น จุดเชื่อมต่อของม่านตาและกระจกตาที่บริเวณรอบนอกของช่องหน้าม่านตา) หรือการปิดกั้นช่องทางของการระบายน้ำให้แคบลง ด้วยความดันในลูกตาที่เพิ่มสูงขึ้นจึงไปทำลายเส้นประสาทตา ซึ่งการเกิดต้อหินมุมปิดอาจเป็นภาวะหลักหรืออาจเป็นภาวะรองจากสภาวะอื่น ๆ ที่กลายมาเป็นแบบเฉียบพลันหรือกึ่งเฉียบพลันที่ต้องเฝ้าอาการอยู่เป็นระยะ 

ต้อหินมุมปิดแบ่งได้2ชนิด

1.ต้อหินมุมปิดชนิดปฐมภูมิ คือ ต้อหินมุมปิดที่สาเหตุยังไม่แน่ชัดและหรืออาจจะเกิดจากรูปร่างของม่านตาผิดปกติเองของผู้ป่วย

2.ต้อหินทุติยภูมิ คือต้อหินมุมปิดที่พบสาเหตุชัดเจนแบ่งการเกิดพยาธิสภาพดังต่อไปนี้

2.1 กลไกการปิดกั้นที่รูม่านตา(with pupillary block) ได้แก่  เกิดจากความผิดปกติของเลนส์ (Lens-induced mechanism) อาจเกิดจากความหนาของเลนส์ (lens thickness) หรือตำแหน่งของเลนส์ (lens position) เลนส์จะหนาขึ้นและเคลื่อนมาด้านหน้ามากขึ้นในคนสูงอายุ เป็นต้น

2.2 กลไกการปิดกั้นที่ไม่ใช่รูม่านตา(without pupillary block) ได้แก่ มีก้อนดันม่านตาปิดรูระบาย หรือ มีพังผืดหรือหลอดเลือดดึงรั้งม่านตาให้ปิดรูระบาย เป็นต้น

การรักษาต้อหินมุมปิด

หากเกิดอาการแบบเฉียบพลัน ส่วนใหญ่แพทย์จะใช้ยาต้อหินทั้งแบบหยอดและชนิดรับประทานช่วยลดความดันตาลงก่อนเป็นลำดับแรก หากความดันยังไม่ลง อาจใช้วิธีการยิงเลเซอร์เพื่อเปิดมุมตา เมื่อความดันลูกตาลงดีแล้วแพทย์จะพิจารณาใช้วิธีการรักษาด้วยยาต้อหินชนิดหยอด หรือการยิงเลเซอร์ที่ม่านตา หรือผ่าตัดขึ้นกับสาเหตุของโรคและระดับความดันลูกตาที่ควบคุมได้

ในกรณีที่เป็นเรื้อรัง แพทย์อาจจะทำการยิงเลเซอร์ที่ม่านตาหากจักษุแพทย์รู้สึกว่าขั้นตอนนี้อาจทำให้การปิดมุมช้าลง หรือทำการผ่าตัดต้อกระจกเพื่อชะลอการลุกลามของโรคต้อหินมุมปิดเรื้อรัง

ทั้งนี้ควรหลีกเลี่ยงการขยายรูม่านตาในผู้ที่มีความเสี่ยง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญเมื่อพิจารณาใช้ยาหยอดขยายตาเพื่อการตรวจ หรือสำหรับการรักษา อีกทั้งผู้ป่วยควรขอคำแนะนำจากแพทย์เรื่องการรับประทานอาหารและวิธีถนอมสายตา

วิธีป้องกันต้อหินมุมปิด

วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันของโรคต้อหินแบบมุมปิดเฉียบพลัน คือ การตรวจตาเป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง แพทย์ช่วยเฝ้าระวังระดับความดันและปริมาณของเหลวในตา หากแพทย์วินิจฉัยแล้วว่ามีความเสี่ยงสูงผิดปกติ แพทย์อาจแนะนำให้ทำการรักษาด้วยเลเซอร์ LPI (prophylaxis LPI) ทันทีที่ตรวจพบเพื่อระงับการเกิดต้อหินแบบเฉียบพลัน

สรุป

ต้อหินมุมเปิด และ ต้อหินมุมปิด มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนในด้านของกลไกการเกิด อาการและวิธีการรักษา ต้อหินมุมเปิดเกิดขึ้นช้าและไม่มีอาการชัดเจนในระยะแรก ขณะที่ต้อหินมุมปิดเกิดขึ้นอย่างฉับพลันและมีอาการรุนแรง ดังนั้นโปรแกรมตรวจ สุขภาพตา เป็นประจำจึงมีความสำคัญ เพราะจะช่วยในเรื่องของการตรวจสอบที่ครอบคลุมในการพบโรคต้อหินในระยะแรกเริ่ม และสามารถที่จะป้องกันการสูญเสียการมองเห็นถาวรได้

 ก่อนทำเลสิกต้องรู้ข้อมูลอะไรบ้าง? เตรียมตัวอย่างไร?
 ต้อลม (pinguecula) รักษายังไงให้หายขาด
 ถุงเลนส์ตาขุ่นหลังผ่าตัดต้อกระจก รักษาอย่างไร
 นักทัศนมาตร (Optometrist) คือใคร ทำไมต้องตัดแว่นกับนักทัศนมาตร
 ใครเสี่ยงเป็นวุ้นในตาเสื่อมบ้าง พร้อมแนะนำแนวทางการป้องกันและรักษาให้ถูกวิธี
 ต้อหินมุมปิดรักษาอย่างไรให้หายขาด ใช้เวลานานไหม
 สาเหตุการเกิดต้อเนื้อ พร้อมวิธีรักษาและการดูแลหลังผ่าตัดต้อเนื้อ
 วุ้นตาเสื่อมมีโอกาสตาบอดไหม
 สาเหตุ อาการ และการรักษา กระจกตาเป็นแผลมองไม่ชัด
 ภาวะสายตาเลือนราง VS ตาบอด ปล่อยไว้ไม่ได้

Copyright © 2024 All Rights Reserved.