สาเหตุ อาการ และการรักษา กระจกตาเป็นแผลมองไม่ชัด

 สาเหตุ อาการ และการรักษา กระจกตาเป็นแผลมองไม่ชัด

กระจกตาเป็นแผล เป็นภาวะความผิดปกติของดวงตาซึ่งพบได้บ่อยในคนทุกวัย โดยมีสาเหตุจากการได้รับบาดเจ็บหรือติดเชื้อจุลินทรีย์แล้วส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการมองเห็น นั่นก็เพราะ“กระจกตา” คือองค์ประกอบสำคัญของดวงตา

รู้จัก “กระจกตา”

กระจกตา (Cornea) เป็นเนื้อเยื่อใส โปร่งแสง มีลักษณะโค้ง และปกคลุมอยู่ส่วนหน้าสุดของดวงตาดำ ทำหน้าที่ช่วยหักเหแสงที่เข้าสู่ดวงตาเพื่อความชัดเจนในการมองเห็น ทั้งยังเป็นด่านแรกของการป้องกันเชื้อโรคเข้าสู่ดวงตาด้วย ปกติแล้วกระจกตาจะมีความหนาประมาณ 551 ไมครอน แบ่งได้เป็น 5 ชั้น กล่าวคือ

1.    กระจกตาชั้นนอก (Epithelium layer) ทำหน้าที่ป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าสู่ดวงตาไม่ว่าจะเป็นสารเคมี เชื้อโรค ฝุ่นละออง หรือน้ำ หากเกิดบาดแผลในชั้นนี้จะหายได้เองภายใน 7 วัน เนื่องจากประกอบไปด้วยเซลล์ที่สามารถแบ่งตัวได้ดี

2. ชั้นเยื่อรับรองผิว (Basement membrane) ทำหน้าที่ช่วยรักษารูปร่างของกระจกตา

3.    กระจกตาชั้นกลาง (Stroma) เป็นชั้นเนื้อเยื่อหลักที่มีความแข็งแรง และหนาที่สุดของกระจกตา หากเกิดบาดแผลในชั้นนี้จะส่งผลให้ดวงตามีสีขาวขุ่นไม่ใสเช่นปกติ

4.    ชั้นเยื่อรองรับเซลล์ด้านใน (Descemet’s membrane) เป็นชั้นเนื้อเยื่อบางๆ ที่มีความแข็งแรง และยืดหยุ่นสูงเนื่องจากมีEndothelial cells

5.​ชั้นเซลล์ผิวด้านใน (Endothelial cell) ทำหน้าที่ดูดน้ำส่วนเกินออกจากกระจกตาเพื่อป้องกันภาวะกระจกตาบวมน้ำ และช่วยให้กระจกตาใสตลอดเวลา

แม้บริเวณเนื้อเยื่อกระจกตาจะไม่มีหลอดเลือดแต่ก็ประกอบไปด้วยเส้นประสาทรับความรู้สึกมากมาย จึงไวต่อสัมผัสและความเจ็บปวด ดังนั้นเมื่อกระจกตาเป็นแผล นอกจากจะรู้สึกเจ็บแล้ว ยังพบว่ามีน้ำตาไหล ดวงตาสู้แสงไม่ได้ และส่งผลกระทบต่อการมองเห็น

เมื่อกระจกตาเป็นแผลจะมีอาการเช่นไร

อาการโดยรวมในเบื้องต้นจะรู้สึกปวดตา ตาบวม เคืองตา ตาไม่สู้แสง คันตา ตาพร่ามัว ตาแดง ตาอักเสบ แสบตา น้ำตาไหล รู้สึกเหมือนว่ามีบางอย่างอยู่ในตา อาจพบจุด แผล หรือรอยฝ้าสีเทาหรือสีขาวขนาดเล็กบริเวณกระจกตา บ้างก็พบว่ามีขี้ตาสีเหลืองเขียว หากอยู่ในระยะติดเชื้ออักเสบจะมีหนองหรือของเหลวไหลออกจากตา กรณีที่มีอาการรุนแรง เชื้อโรคนั้นอาจทะลุผ่านชั้นกระจกตาเข้าไปก่อให้เกิดการอักเสบภายในดวงตา ทำให้ม่านตาอักเสบหรือเกิดแผลเป็นที่กระจกตา ซึ่งส่งผลให้การมองเห็นลดลง และอาจถึงขั้นตาบอดในที่สุด

ถ้าแผลที่กระจกตามีขนาดเล็กและตื้นจะหายได้เองภายใน 2-3 วัน โดยไม่ทิ้งร่องรอย แต่ถ้าแผลค่อนข้างลึกจะเสี่ยงต่อการเกิดแผลเป็นซึ่งทำให้กระจกตาบริเวณแผลเป็นนั้นทึบแสงหรือแสงผ่านได้น้อยจึงมองเห็นไม่ชัด ดังนั้นเมื่อสงสัยว่ากระจกตาเป็นแผลจึงควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ อันอาจก่อให้เกิดอันตรายเพิ่มมากขึ้น

กระจกตาเป็นแผลเกิดจากสาเหตุใด

ภาวะกระจกตาเป็นแผลมักจะเกิดขึ้นเมื่อกระจกตาถูกรบกวนให้เป็นแผลหรือรอยถลอก ก่อนจะนำไปสู่การติดเชื้อจุลินทรีย์ประเภทต่างๆ โดยมีปัจจัยเสี่ยงของการเกิดแผลที่กระจกตาเกิดจากหลายสาเหตุ เช่น

  • ได้รับอุบัติเหตุ หรือมีสิ่งแปลกปลอมเข้าตา เช่น สารเคมี เศษหิน หรือใบไม้บาดตา●ใช้คอนแทคเลนส์ไม่ถูกสุขลักษณะ
  • เยื่อบุตาอักเสบ
  • เกิดภาวะตาแห้งอย่างรุนแรง ด้วยสาเหตุต่างๆ เช่น ขาดสารอาหารโดยเฉพาะวิตามินเอ,ตาปิดไม่สนิทด้วยความผิดปกติหรือภาวะของโรคบางชนิด
  • ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ
  • การติดเชื้อหลังจากการผ่าตัดดวงตา (โดยเฉพาะบริเวณกระจกตา) หรือเนื้อเยื่อใกล้เคียง
  • ความผิดปกติของเปลือกตา เช่น ขนตายาวจนอาจไปทิ่มหรือถูกับกระจกตาทำให้เกิดแผล เปลือกตาอักเสบเป็นกุ้งยิง เป็นต้น
  • ใช้ยาสำหรับการหยอดตาที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์มากเกินไป

เมื่อกระจกตาเกิดบาดแผล เป็นรอยถลอก หรือได้รับความเสียหายด้วยสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งข้างต้นแล้ว มักจะตามมาด้วยการติดเชื้อจุลินทรีย์ชนิดต่าง ๆ ซึ่งส่งผลให้ลักษณะของแผล และอาการแสดงแตกต่างกัน

●เชื้อแบคทีเรีย

แผลที่กระจกตาส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อแบคทีเรีย พบบ่อยในผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์แบบไม่ถูกสุขอนามัย ฝุ่นละอองหรือสารเคมีเข้าตา ขยี้ตาแรงๆ ภาวะกระจกตาแห้งในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ที่ดวงตาปิดไม่สนิท โดยจะเริ่มจากมีอาการตาแดง ตามัว รู้สึกเคืองตา น้ำตาไหล ปวดตา ตาบวม ขี้ตามาก มีรอยขุ่นขาวบริเวณกระจกตา เนื่องจากแผลที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียนั้นจะมีลักษณะเป็นวงกลมหรือวงรีอยู่ตรงกลางของกระจกตา และหากเป็นมากอาจมีหนองในช่องหน้าลูกตา

●เชื้อไวรัส

มักจะเป็นเชื้อไวรัสชนิดเดียวกับโรคเริม อีสุกอีใส หรืองูสวัด พบได้ในผู้ที่มีสุขภาพร่างกายอ่อนแอ ภูมิต้านทานต่ำ หรือได้รับยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน ผู้ป่วยจะมีอาการระคายเคืองตา ตาไม่สู้แสง ปวดตาข้างใดข้างหนึ่งโดยเฉพาะเวลากลอกตา กระจกตาข้างที่เป็นจะมีลักษณะขาวเป็นฝ้า และรับความรู้สึกได้น้อยกว่าปกติ เยื่อบุผิวกระจกตาอาจมีรอยถลอกคล้ายกิ่งไม้

●เชื้อรา

เกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น ไม่ระมัดระวังในการใส่คอนแทคเลนส์ เป็นรอยแผลจากกิ่งไม้หรือใบไม้ทิ่มตา ฝุ่นละออง เศษผงดินเข้าตา รวมทั้งความบกพร่องของระบบภูมิคุ้มกัน การใช้ยาหยอดตาประเภทยาปฏิชีวนะหรือยาสเตียรอยด์เป็นเวลานาน ผู้ป่วยจะรู้สึกปวดตา ลืมตาไม่ขึ้น เคืองตา ตามัว และตาไม่สู้แสง แผลที่กระจกตามีลักษณะคล้ายขนนกสีขาวหรือสีเทา ขอบนูนไม่เรียบ อาจมีแผลขนาดเล็ก ๆ กระจายโดยรอบ และมักจะมีหนองบริเวณช่องหน้าลูกตา

●เชื้ออะมีบา

เป็นปัญหามาจากการใช้คอนแทคเลนส์เช่นเดียวกัน ซึ่งผู้ที่ติดเชื้อชนิดนี้มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดแผลเป็นถาวร และสูญเสียการมองเห็น ส่วนใหญ่เกิดจาก Acanthamoeba ซึ่งมักพบได้ในแหล่งน้ำ เช่น น้ำประปา สระว่ายน้ำ อ่างน้ำร้อน เป็นต้น

ภาวะแทรกซ้อนจากกระจกตาเป็นแผล

เมื่อกระจกตาเป็นแผลแล้วไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายได้ เช่น

●ในระยะของการติดเชื้อซึ่งก่อให้เกิดการอักเสบนั้น เชื้อโรคอาจลุกลามทะลุชั้นกระจกตาแล้วทำให้ลูกตาอักเสบ ม่านตาอักเสบ มีหนองขังในช่องลูกตาหน้า อันจะนำไปสู่ภาวะสูญเสียการมองเห็นหรือตาบอดได้●แผลที่กระจกตาอาจกลายเป็นแผลเป็นที่มีลักษณะขุ่นขาวซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพในการมองเห็นลดลง และหากแผลเป็นนั้นมีขนาดใหญ่อยู่ตรงกลางของตาดำก็จะยิ่งบดบังสายตา ทำให้การมองเห็นมีปัญหา นำไปสู่ภาวะสายตาพิการได้●ภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น สายตาเอียง กระจกตาบาง กระจกตาทะลุ ภาวะผิวกระจกตาหลุดลอก และหากเกิดการติดเชื้อรุนแรงภายในลูกตา อาจทำให้เป็นต้อหินหรือต้อกระจกได้

วิธีการรักษาเมื่อเกิดอาการกระจกตาเป็นแผล

แพทย์จะซักประวัติพร้อมอาการเบื้องต้น จากนั้นจึงตรวจความเสียหายของกระจกตา และตรวจหาประเภทของเชื้อในห้องปฏิบัติการ ทั้งนี้แพทย์จะรักษาตามอาการ และสาเหตุของโรคเป็นหลัก

●การใช้ยา

ระยะแรกผู้ป่วยจะได้รับยาปฏิชีวนะที่มีประสิทธิภาพครอบคลุมในวงกว้าง จนเมื่อได้รับทราบผลการตรวจเชื้อที่แน่ชัดจากห้องปฏิบัติการแล้ว แพทย์จึงจะปรับใช้ยาเฉพาะทางที่ส่งผลต่อเชื้อชนิดนั้น ๆ ซึ่งมีทั้งยาปฏิชีวนะ ยาต้านไวรัส และยาต้านเชื้อรา โดยพิจารณาการตอบสนองต่อการรักษาของผู้ป่วยเป็นสำคัญ ยาฆ่าเชื้อที่ผู้ป่วยได้รับจะมีหลายรูปแบบ เช่น ยาหยอดตา ยาป้ายตา ยาฉีด และยารับประทาน บางรายอาจมีการใช้ยาหยอดขยายม่านตา ยาลดความดันลูกตา ยาระงับปวด และวิตามิน ร่วมด้วย ระหว่างใช้ยาในการรักษา ผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงพฤติกรรมประจำวันที่อาจส่งผลกระทบต่อดวงตา เช่น การแต่งหน้า การใส่คอนแทคเลนส์ ใช้มือสัมผัสดวงตาโดยไม่ระวัง และการรับประทานยาบางชนิด

●การผ่าตัด

หากแผลมีการอักเสบลุกลามหรือเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น กระจกตาบาง กระจกตาทะลุ เกิดแผลเป็นที่กระจกตา หรือกระจกตาเป็นฝ้าขาว แพทย์อาจพิจารณาเพิ่มการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด เช่น การผ่าตัดปลูกถ่ายกระจกตา การผ่าตัดใส่กาวบริเวณที่กระจกตาบาง หรือกระจกตาทะลุ เป็นต้น

ดูแลตนเองอย่างไรให้ห่างไกลภาวะกระจกตาเป็นแผล

●เพิ่มความระมัดระวังในการใช้คอนแทคเลนส์ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรักษาความสะอาดอย่างถูกวิธี งดใส่คอนแทคเลนส์ขณะนอนหลับ เลี่ยงการใช้คอนแทคเลนส์หากรู้สึกระคายเคือง เป็นต้น●เลี่ยงการสัมผัสดวงตาโดยไม่จำเป็น และควรล้างมือให้สะอาดเสมอก่อนสัมผัสดวงตา●สวมหน้ากากหรืออุปกรณ์ป้องกันดวงตาทุกครั้งเมื่อต้องใช้เครื่องมือช่าง●ป้องกันไม่ให้กิ่งไม้ใบหญ้าบาดตา●ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเมื่อได้รับบาดเจ็บบริเวณดวงตา เป็นเริมหรืองูสวัดบริเวณดวงตา มีภาวะตาแห้ง หรือตาปิดไม่สนิทเป็นระยะเวลานาน●เลี่ยงการหยอดตาด้วยยาสเตียรอยด์โดยไม่จำเป็น​

แม้อาการพื้นฐานเบื้องต้นของภาวะกระจกตาเป็นแผลจะมีลักษณะคล้ายคลึงกับอาการ เยื่อบุตาอักเสบ หรือตาแดงซึ่งเป็นโรคที่ไม่รุนแรงมากนัก แต่ทว่าเรื่องของดวงตาและการมองเห็นนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อเกิดความผิดปกติ อย่านิ่งนอนใจ รีบปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันทีเพื่อลดความเสี่ยงและอันตรายที่จะเกิดขึ้นได้

 ประโยชน์ของน้ำตาเทียม ทำไมผู้สูงอายุควรใช้
 ใครที่เหมาะ? ควรแก้ปัญหา สายตาสั้น ยาว เอียง ด้วยPRK
 ภาวะสายตาเลือนราง VS ตาบอด ปล่อยไว้ไม่ได้
 ไขข้อข้องใจ สายตาเอียง (Astigmatism) หายเองได้หรือไม่
 สาเหตุที่ทำตาสองชั้นแล้วชั้นตาก็ยังไม่เท่ากัน เกิดจากอะไร ?
 ข้อควรรู้ก่อนทำเลสิก (Lasik) เลสิกมีกี่แบบ
 ถามตอบเรื่องที่คุณสงสัย กับการผ่าตัดใส่เลนส์เสริม (ICL)
 เช็กให้ชัวร์อาการแบบนี้เป็นสัญญาณ “ต้อกระจก” หรือไม่
 รู้ทันสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงการเกิดต้อเนื้อ (Pterygium) ที่อาจทำให้ตาบอดได้
 ตรวจวัดสายตากับนักทัศนมาตรดีจริงไหม

Copyright © 2024 All Rights Reserved.