เบต้า-แคโรทีน (Beta-Carotene) ดียังไง ช่วยแก้สายตาพร่ามัว บำรุงสายตาจริงไหม
เบต้า-แคโรทีนคือโปรวิตามินเอที่มีอยู่ในผักสีเขียวเข้มและผลไม้สีเหลืองหรือส้ม ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันประสาทจอตาเสื่อม ทำให้มีความจำดี ป้องกันผิวจากแสงแดด นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณช่วยชะลอวัยและการเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ซึ่งในกลุ่มคนที่ใช้สายตาอย่างหนักหรือทำงานอยู่กับหน้าจอเป็นประจำ หรือแม้แต่ผู้ที่รักสุขภาพ ต้องการดูแลตัวเอง ควรเลือกรับประทานผัก ผลไม้ รวมถึงวิตามินเสริมที่มีเบต้า-แคโรทีน ในปริมาณที่เหมาะสมคือประมาณ 400 กรัมต่อวัน
เพื่อให้ร่างกายได้รับเบค้าแคโรทีนแนะนำเลือกรับประทานผัก ผลไม้ที่มีเบต้า-แคโรทีน ในปริมาณที่เพียงพอ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระหรือโปรวิตามินเอชนิดนี้พบได้ง่ายในพืช ผัก ผลไม้ อาทิ ผักบุ้ง คะน้า แคร์รอต ฟักทอง มะม่วง มะละกอ เป็นต้น
ประโยชน์ของเบต้า-แคโรทีน
เบต้า-แคโรทีน พบในผักใบเขียวเข้มและผลไม้หลากหลายชนิด เป็นสารอาหารที่คนยุคนี้ต้องให้ความสำคัญ เพราะเป็น วิตามินบำรุงสายตาเพราะปฏิเสธไม่ได้ว่ามีคนจำนวนมากที่ใช้สายตาหรือทำงานกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ รวมถึงไลฟ์สไตล์ที่ของยุคนี้ที่ใช้โซเชียลมีเดีย ดูจอมือถือเกือบตลอดวัน เหตุผลนี้จึงควรเลือกทานในปริมาณที่เหมาะสม โดยเบต้า-แคโรทีนมีประโยชน์ ดังนี้
1.เพิ่มประสิทธิภาพให้สมองมีความจำที่ดีขึ้นในอาหารประเภทผักผลไม้อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุมากมาย เบต้า-แคโรทีนเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำให้เยื่อสมองไม่ถูกทำลาย ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ เพียงเลือกทานผักสีเขียวเข้มผลไม้สีเหลืองหรือส้มในปริมาณ6-7 มิลลิกรัมต่อวัน เทียบเท่าประมาณ 400 กรัมต่อวัน สามารถแบ่งทานได้ 3 มื้อ มื้อละ 1-2 ทัพพี
2.เบต้าแคโรทีนช่วยให้หัวใจแข็งแรงเบต้า-แคโรทีน นอกจากเป็นวิตามิน ช่วย บำรุง สายตายังเป็นสารต้านสารอนุมูลอิสระหรือต้นเหตุของโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดหัวใจ โดยเบต้า-แคโรทีนจะกระตุ้นการทำงานของ T-helper Cell หรือเซลล์เม็ดเลือดขาว ไปยับยั้งการเกิดมะเร็ง
3.ช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวีซึ่งมากับแสงแดดเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดสารอนุมูลอิสระทำให้ร่างกายเสียสมดุล นำไปสู่ปัญหาผิว ฉะนั้นหากไม่อยากต้องผิวไหม้ คล้ำเสียและอักเสบไม่ควรละเลย ป้องกันได้ด้วยการรับประทานผักหรือผลไม้ที่มีเบต้า-แคโรทีน เป็นตัวช่วยในการปกป้องผิวต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidants) พร้อมปรับสมดุล ที่สำคัญในผู้ที่มีภาวะผิวหนังไวต่อแสง ควรให้ความสำคัญเพราะกลุ่มคนเหล่านี้ผิวมีโอกาสได้รับผลกระทบจากแสงแดดหรือรังสียูวีมากกว่ากลุ่มคนอื่น ๆ
เบต้า-แคโรทีน ช่วยแก้สายตาพร่ามัว บำรุงสายตาจริงไหม
เบต้า-แคโรทีนมีประโยชน์ในเรื่องของการช่วยบำรุงสายตา ป้องกันและชะลอประสาทจอตาเสื่อม แก้ปัญหาตาพร่ามัวได้ รวมถึงช่วยบำรุงสายตาสำหรับผู้ที่เป็นโรคตาฟาง หรือปัญหาสายตาที่เกิดจากการขาดวิตามินเอ มองไม่ชัดในที่มืด ดังนั้นเบต้า-แคโรทีน ถือว่าเป็น วิตามิน ช่วย บำ รุ ง สายตา ชนิดหนึ่งที่ช่วยในเรื่องการมองเห็นโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่าจะสามารถแก้ปัญหาสายตาพร่ามัวในทันทีได้ จะต้องดูแลรักษาสุขภาพตาในระยะยาวจึงจะเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น
เลือกกินอย่างไรให้ได้เบต้า-แคโรทีน
จากประโยชน์จะเห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นปัญหาตาล้า พร่ามัว ตาไม่สู้แสงแดด เบต้า-แคโรทีน มีส่วนช่วยแก้ปัญหาได้…คำถามพบบ่อยคือจะเลือกกินอย่างไรดีให้ได้รับสารอาหารดังกล่าวอย่างเพียงพอ วันนี้แนะนำการเลือกกินผัก ผลไม้ ที่จะทำให้ร่างกายได้รับเบต้า-แคโรทีน
-ผักสีเขียว นอกจากจะมีกากใยอาหารสูงช่วยในเรื่องของระบบขับถ่ายได้ดีแล้ว ยังอุดมด้วยเบต้า-แคโรทีนชั้นเยี่ยม ช่วยบำรุงสายตาให้มองเห็นได้ชัดเจน ลดอาหารตาล้าและชะลอประสาทจอตาเสื่อม ซึ่งเบต้า-แคโรทีน พบมากใน ผักบุ้ง ผักคะน้า ตำลึง ผักชี พริก ผักชีฝรั่ง พาร์สลี เป็นต้น-ผลไม้ที่มีสีส้มและเหลือง อุดมด้วยสารเบต้า-แคโรทีน ทำให้สุขภาพตาแข็งแรง ชะลอประสาทจอตาเสื่อม บำรุงสายตาทำให้การมองเห็นดีขึ้น ทั้งยังให้ความชุ่มชื่นให้ดวงตาได้ดี นอกจากนี้ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง ลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ โรคหลอดเลือดต่าง ๆ และป้องกันภาวะเบาหวานขึ้นตา สามารถพบสารนี้ใน ฟักทอง แคร์รอต กล้วย ส้ม มะละกอ มันเทศ แอปเปิล กีวี เสาวรส สับปะรด เป็นต้น
วิตามินบำรุงสายตาจำเป็นไหม เลือกอย่างไรดี
ผัก ผลไม้มีสารอาหารครบถ้วน ปลอดภัย หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด อย่างไรก็ตามในยุคสมัยนี้ที่ผู้คนใช้ชีวิตด้วยความเร่งรีบ ต้องการความสะดวกมากที่สุด รวมถึงในกลุ่มคนที่ไม่ชอบกินผัก ผลไม้ สามารถเลือกกินเบต้า-แคโรทีนในรูปแบบเม็ดยาแทนได้ เป็น ยาบำรุงสายตา ที่หาซื้อได้ง่ายเช่นกัน โดยเพื่อความปลอดภัยต้องปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เภสัชกรก่อนเสมอ เนื่องจากการกินวิตามินเป็นระยะเวลานานติดต่อกันและในปริมาณมากเกินไป อาจส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ ส่วนเลือกวิตามินบำรุงสายตาอย่างไรดี คำแนะนำเหล่านี้ช่วยให้การตัดสินใจง่ายขึ้น
- พิจารณาส่วนประกอบหลัก โดยตรวจสอบว่าผลิตภัณฑ์มีส่วนผสมอะไรบ้างที่ช่วยบำรุงสายตา เช่น วิตามินเอ เบต้า-แคโรทีน ซีแซนทีน วิตามินซี วิตามินอี โอเมก้า-3 และสังกะสี ซึ่งมีประโยชน์ต่อสุขภาพตา หรือเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีความเข้มข้นของสารสำคัญในปริมาณที่เหมาะสมตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ-
- พิจารณาปัญหาสายตาเป็นหลัก เช่น หากมีปัญหาตาพร่ามัว ต้องการยาบำรุงสายตาป้องกันการตาพร่ามัว เลือกวิตามินบำรุงสายตาที่มีส่วนประกอบหลักคือเบต้า-แคโรทีน หากมีปัญหาตาแห้ง ควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีโอเมก้า-3 หรือหากต้องการป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีลูทีนและซีแซนทีน
- พิจารณารูปแบบของอาหารเสริมบำรุงสายตาเพราะวิตามินบำรุงสายตามีหลายรูปแบบ เช่น แคปซูล เม็ดเคี้ยว หรือแบบน้ำ เลือกรูปแบบที่สะดวกในการรับประทานและสามารถดูดซึมได้ดีอย่างแบบซอฟต์เจลนอกจากจะกลืนง่ายแล้ว ในเรื่องของประสิทธิภาพการดูดซึมนั้นดีกว่าทุกรูปแบบ
- พิจารณาความน่าเชื่อถือของแบรนด์อาหารเสริมบำรุงสายตาโดยเลือกผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือและได้รับการรับรองจากองค์กรที่เกี่ยวข้อง เช่น อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) หรือมีการทดสอบทางคลินิก ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เช็กได้จากฉลากยา
- ปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ ถือเป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่ง เพราะการรับประทานอาหารเสริมในรูปแบบของเม็ดยาจะต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ ในเบื้องต้นเพื่อซักประวัติว่าโรคที่เป็นอยู่หรือสุขภาพในตอนนั้นสามารถรับประทานอาหารเสริมได้หรือไม่ เพื่อความปลอดภัย-พิจารณาความคุ้มค่า เพราะในปัจจุบันมีวิตามินหลายยี่ห้อให้เลือก แนะนำพิจารณาคุณภาพและปริมาณของวิตามินที่ได้รับเมื่อเทียบกับราคา หรือสามารถที่จะเก็บข้อมูลเพิ่มเติมแต่ละยี่ห้อมาเปรียบเทียม ประกอบกับการอ่านรีวิวและความคิดเห็นจากผู้ใช้คนอื่น ๆ เพื่อดูว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้รับการตอบรับอย่างไร ช่วยให้ตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
เหล่านี้คือการเลือกวิตามินบำรุงสายตาที่เหมาะกับตนเอง ซึ่งหากถามว่าวิตามินบำรุงสายตาจำเป็นไหม ถือว่ามีความจำเป็น โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ชอบรับประทานผักผลไม้ในกลุ่มที่มีเบต้า-แคโรทีน เพราะเมื่อร่างกายขาดสารอาหารดังกล่าวก็จะทำให้เกิดปัญหาดวงตาต่าง ๆ ตามมาได้ไม่ช้าก็เร็ว การเลือกรับประทานวิตามินไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม จึงถือว่าเป็นตัวช่วยที่ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารเบต้า-แคโรทีนอย่างเพียงพอ
สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาเรื่องสายตา การเลือกรับประทานอาหารที่มีสารเบต้า-แคโรทีน วิตามินบำรุงสายตา ถือเป็นตัวช่วยที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อช่วยแก้ปัญหา ชะลอการเกิดโรคต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับดวงตา ไม่ว่าจะเป็นประสาทจอตาเสื่อม ต้อกระจก ตาแห้ง ตาพร่ามัว เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ยิ่งในปัจจุบันแทบทุกเพศทุกวัยกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น เพราะส่วนใหญ่ชีวิตประจำวันจะอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานาน ฉะนั้นอย่าปล่อยปละละเลย ควรหันมาใส่ใจและดูแลดวงตาของคุณที่ถือเป็นอวัยวะสำคัญ
บริษัท โรงพยาบาลตากรุงเทพ จำกัด
อาคารเดอะ เมอร์คิวรี่ วิลล์ แอท ชิดลม 540 ชั้น7 ห้อง703
ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 1033002-869-8899
Copyright © 2024 All Rights Reserved.